Email to friend
* Your name:
* Your email:
* Friend's email:
Comment:


ความเป็นมาของกลุ่ม Go Published

กลุ่มความรู้ Go Published ได้จัดตั้งขึ้นเป็นครั้งแรกในปีงบประมาณ พ.ศ. 2558 โดยมีจำนวนสมาชิก 11 คน ซึ่งสมาชิกเหล่านี้เป็นอาจารย์จากสาขาวิชาฯต่างๆ ที่ดำเนินการสอนโดยวิทยาลัยนานาชาติ อันประกอบด้วย สาขาวิชาการจัดการท่องเที่ยว สาขาวิชาการจัดการธุรกิจโรงแรม และการท่องเที่ยว สาขาวิชาธุรกิจการบิน สาขาวิชาธุรกิจภัตตาคาร และสาขาวิชาการจัดการธุรกิจระหว่างประเทศ  การรวมตัวของสมาชิกทั้ง 11 คน เกิดจากความคิดที่ตรงกันว่า  การเผยแพร่งานวิจัยเป็นเครื่องมือที่สำคัญประการหนึ่งที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ และความก้าวหน้าในฐานะที่เป็นนักวิชาการ  เนื่องจากเป็นหนึ่งในข้อกำหนดสำหรับการขอตำแหน่งทางวิชาการ นอกจากนี้ การเผยแพร่งานวิจัยโดยการตีพิมพ์ในวารสารทางวิชาการที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล ยังเป็นตัวชี้วัดการประกันคุณภาพการศึกษาที่สำนักงานรับรองมาตรฐาน และประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) และสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) ให้ความสำคัญมากขึ้น และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น คือ จำนวนบทความวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารทางวิชาการที่อยู่ฐานข้อมูลที่ได้รับการยอมรับ นับว่าเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะช่วยผลักดันให้มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทาได้เป็นมหาวิทยาลัยราชภัฏอันดับ 1 ต่อไป และเป็นมหาวิทยาลัยคุณภาพชั้นนำอย่างแท้จริง

จากข้อมูลที่ได้จากบทความ “วิทยาสาร” ตอนรายงานความก้าวหน้าการจัดอันดับมหาวิทยาลัย ฉบับลงวันที่ 12 มกราคม 2558  ทำให้ทราบว่า  ที่ผ่านมา มีบทความวิจัยของอาจารย์จากมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทาที่ได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่ลงในวารสารทางวิชาการที่อยู่ในฐานข้อมูล ISI เพียงแค่ 6 บทความ และอยู่ในวารสารที่อยู่ในฐาน SCOPUS จำนวน 36 บทความ เท่านั้น ซึ่งนับว่ายังน้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนอาจารย์ทั้งหมดของมหาวิทยาลัยฯ  ซึ่งสาเหตุประการหนึ่งที่ทำให้ยังคงมีจำนวนบทความวิจัยที่ได้รับการตีพิมพ์น้อยอยู่นั้น เนื่องจากยังมีอาจารย์จำนวนมากที่ยังไม่ทราบถึงแนวทางและขั้นตอนในการส่งบทความวิจัยเพื่อตีพิมพ์

จากเหตุผลข้างต้น กลุ่มความรู้ Go Published  จึงได้จัดตั้งขึ้นมา โดยมีวัตถุประสงค์หลักในการแสวงหา และรวบรวมความรู้เกี่ยวกับแนวทางและขั้นตอนในการตีพิมพ์บทความวิจัยในวารสารทางวิชาการนานาชาติที่อยู่ในฐานข้อมูลที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล  เพื่อที่จะกระตุ้นให้เกิดการแลกเปลี่ยนความรู้ทางด้านนี้ในวงกว้างมากขึ้นในหมู่นักวิชาการ ตลอดจนมุ่งที่จะเผยแพร่ความรู้ที่เป็นประโยชน์นี้ต่อผู้ที่สนใจอื่นๆด้วย