Computer Vision Syndrome

       Computer Vision Syndrome     

            ปัจจุบันคอมพิวเตอร์ได้เข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันของเรากันมากขึ้น ทั้งในด้านของการทำงาน ซึ่งปฏิเสธไม่ได้เลยว่าเกือบทุกองค์กร ได้นำเทคโนโลยีตัวนี้เข้ามาใช้เพื่อให้การทำงานมีความรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น  เพราะเหตุนี้บางคนจึงนั่งจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์วันละหลายชั่วโมง และคุณทราบไหมคะว่าการนั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์แบบไม่ถูกวิธีอาจทำให้คุณมีอาการผิดปกติที่เรียกว่า Computer Vision Syndrome หรือ CVS ซึ่งจะคุกคามสุขภาพของเราได้ค่ะ.

อาการของโรค CVS

Computer Vision Syndrome หรือ CVS คือกลุ่มอาการที่เกิดจากการใช้คอมพิวเตอร์ติดต่อกันเป็นระยะเวลานานๆ ซึ่งมักจะเกิดอาการดังนี้ค่ะ...
- เมื่อยล้าในลูกตา
- ปวดเบ้าตา
- มีอาการอ่อนล้าทางประสาทตา ตามัวหรือเห็นภาพซ้อน รู้สึกไม่สบายตา
- ตาสู้แสงไม่ได้ ตาแห้ง แสบตา
- มีรอยดำคล้ำบริเวณตา หรือมีรอยบวมเห็นเป็นถุงใต้ตาโปนออกมา
นอกจากนี้อาจจะมีอาการปวดศีรษะ ปวดคอ ปวดไหล่ และปวดหลังอีกด้วย ซึ่งอาการเหล่านี้มักจะพบในผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์ต่อเนื่องมากกว่า 2 ชั่วโมงต่อวันเป็นประจำค่ะ

สาเหตุของโรค CVS

อาการปวดตาและแสบตาเกิดขึ้นจากการที่ตาแห้งและกล้ามเนื้อตาเกร็งตัวเนื่องจากลืมกะพริบตาเพราะมีสมาธิจดจ่ออยู่กับข้อมูลบนจอคอมพิวเตอร์นานเกินไป สามารถแก้ไขได้โดยกะพริบตาบ่อยๆ เมื่อรู้สึกตัวว่าปวดตาหรือแสบตา อาจใช้น้ำตาเทียมหยอดตาบ้างก็จะช่วยบรรเทาอาการปวดตาและแสบตาได้เช่นกัน ส่วนอาการตามัวหรือปวดศีรษะเป็นอาการที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราว เมื่อพักสายตาแล้วส่วนใหญ่อาการก็จะดีขึ้นค่ะ
นอกจากนี้แสงสะท้อนจากจอคอมพิวเตอร์ และการที่แสงสว่างจากหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือแสงสว่างในห้องไม่เหมาะสม ทำให้ต้องเพ่งสายตาทำงานในระยะใกล้เป็นเวลานานๆ ก็ทำให้กล้ามเนื้อตาที่ใช้ในการเพ่งมองเกิดตึงและเกร็งก็จะนำมาซึ่งอาการปวดตาและปวดศีรษะได้ค่ะ
ส่วนอาการอื่นๆ มีผลจากการวางคอมพิวเตอร์ในตำแหน่งที่ไม่เหมาะสม ทำให้ต้องนั่งในท่าผิดปกติเป็นระยะเวลานาน จนเกิดปัญหากับกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ส่งผลให้เกิดอาการปวดที่กระดูกข้อมือ ปวดไหล่ ปวดคอ รวมถึงปวดหลังได้ค่ะ
 

การป้องกันCVS คุกคาม

1. วางจอคอมพิวเตอร์ให้มีระยะห่างจากระดับสายตา 20 – 24 นิ้ว และวางอยู่ระดับที่ต่ำกว่าระดับสายตา 10 – 20 องศา ซึ่งเป็นมุมในการมองคอมพิวเตอร์ที่ช่วยให้สบายตาที่สุด
2. ปรับแสงสว่างเหมาะสม เริ่มต้นที่ความสว่างของห้องเพียงพอ ส่วนความสว่างบริเวณรอบจอและความสว่างของหน้าจอคอมพิวเตอร์ควรปรับให้สว่างเท่าๆ กับความสว่างของห้อง เพื่อไม่ให้แสงจ้ามากเกินไป
3. ใช้แผ่นกรองแสงเพื่อช่วยลดแสงสะท้อนติดที่หน้าจอ และจัดแสงภายในห้องทำงานไม่ให้มีแสงสะท้อนมาที่จอคอมพิวเตอร์ เพราะจะทำให้แสงสว่างสะท้อนเข้าตามากกว่าปกติ และแสงสะท้อนยังทำให้หน้าจอสว่างจนมองเห็นไม่ชัดเจนจึงต้องเพ่งสายตามากเกินไปค่ะ
4. ขนาดของตัวหนังสือบนหน้าจอควรจะมีขนาดประมาณ 3 เท่าของขนาดตัวหนังสือที่เล็กที่สุดที่สามารถอ่านได้จากจอคอมพิวเตอร์ในระยะเดียวกัน ส่วนสีของตัวหนังสือควรเป็นสีดำบนพื้นสีขาวค่ะ
5. ฝึกนิสัยกะพริบตาอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้มีการคลายกล้ามเนื้อ และพักสายตาที่ใช้ในการมองใกล้โดยให้มองไปในที่ไกลๆ นานประมาณ 1-2 นาที อย่างน้อย 1-2 ครั้งทุกชั่วโมง และหยุดพักการทำงานประมาณ 5-15 นาที ทุก 1-2 ชั่วโมง
6. หากสายตายาว ควรใช้แว่นสายตาชนิด Progressive lens ซึ่งมีช่วงการมองหรือจุดโฟกัสหลายระดับ โดยเฉพาะที่สำคัญคือระยะกลาง (intermediate zone) ซึ่งเป็นตำแหน่งของจอคอมพิวเตอร์ นอกจากนี้ควรเลือกเลนส์แว่นตาแบบเคลือบสารที่ป้องกันการสะท้อนเพื่อช่วยลดการสะท้อนของแสงเข้าตาค่ะ
7. สำหรับปัญหาปวดคอ ปวดไหล่ และปวดหลัง นอกจากจะแก้ด้วยการจัดระดับจอคอมพิวเตอร์ให้เหมาะสมแล้ว ท่านั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่ถูกต้องก็มีความสำคัญ โดยควรนั่งตัวตรง เอนหลังไปด้านหลังเล็กน้อย แขนทั้งสองในขณะกดแป้นพิมพ์ให้อยู่ในแนวขนานกับพื้น ส่วนเท้าควรวางราบกับพื้น

เทคนิคบริหารดวงตา คลายอ่อนล้า และชะลอริ้วรอย..

              ท่านวดกดจุด

นวดคลึงเบาๆ รอบดวงตา บริหารดวงตาเพื่อคลายความตึงเครียดด้วยการกรอกตาไปรอบๆ เป็นวงกลมสัก 5-6 รอบ แล้วใช้นิ้วนางทั้ง 2 นิ้วแตะที่หัวตาแต่ละข้าง คลึงเบาๆ แบบกดจุดนาน 1-2 วินาทีค่ะ

โยคะดวงตา

เพื่อช่วยคลายความตึงเครียด บรรเทาอาการปวด เพิ่มความแข็งแรงและช่วยถนอมดวงตา

1. หลับตา ใช้ฝ่ามือทั้ง 2 ข้าง ถูกันไปมาอย่างเร็วๆจนรู้สึกร้อนมาประคบที่บริเวณดวงตาประมาณ 1 นาที หายใจลึกๆ ผ่ออนคลาย

2. ลืมตา มองจากมุมขวาบนไปยังมุมซ้ายล่างเป็นเส้นทแยงมุม 4 ครั้ง เสร็จแล้วพักโดยหลับตา แล้วใช้ฝ่ามือที่ถูกันจนร้อนประคบที่บริเวณดวงตาอีกครั้ง

3. ลืมตา กวาดสายตาเป็นวงกลม (นึกกภาพว่ากำลังจ้องเส้นวงกลมวงใหญ่ที่มีคนเขียนขึ้นข้างหน้า) เคลื่อนสายตาทิศทางตามเข็มนาฬิกา 4 รอบ แล้วใช้ฝ่ามือที่ถูกันจนร้อนประคบที่บริเวณดวงตาอีกครั้งค่ะ

4. ลืมตา มองไปจุดไกลที่สุดด้านบน แล้วกวาดสายตามายังด้านล่างอย่างช้าๆ ทำ 4 ครั้ง แล้วใช้ฝ่ามือที่ถูกกันจนร้อนประคบที่บริเวณดวงตาอีกครั้งค่ะ..

หรืออาจบรรเทาอาการปวดตาโดยการหลับตา แล้วเกือกตาไปมา ซ้าย ขวา บน ล่าง และหลับให้นิ่งประมาณ 5 นาทีค่ะ แล้วเดินออกไปสูดอากาศเพื่อให้รู้สึกผ่อนคลายสักครู่ค่ะ

อาจมองดูอะไรก็ได้ที่เป็นสีเขียว เช่น ต้นไม้ สนามหญ้า ฯลฯ หรืออะไรก็ได้ ที่มองแล้วสบายหูสบายตา วิธีนี้ส่วนมากใช้ได้ผล 70% ค่ะ

 ส่วนในเมืองไทย แม้ไม่เจอตัวเลขการสำรวจ แต่พออนุมานได้ว่า คงมีไม่น้อยเช่นเดียวกัน ดังนั้นถ้ารู้สึกปวดหลังไม่ยอมเลิก อีกทั้งยังเป็นพนักงานตามออฟฟิศ ขอให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า มีโอกาสเป็นโรค CVSและ ควรไปพบแพทย์ในทันที

อะโรคยา ปรมาลาภา การไม่เป็นโรคคือลาภอันประเสริฐ...